Saturday, February 16, 2008

เช็คสเปียร์ ผู้สร้างตัวละครอมตะ

เมื่อวานได้ไปงาน Reminder Award 2007 ของรุ่นน้องมาค่ะ
ได้ไปเจออาจารย์หลายคนอีกครั้ง ทั้งคุยกันถ่ายรูปกันสนุกสนาน
ทำให้นึกถึงวันเก่าๆ ที่เคยเรียนเคยเล่น แม้ว่าวันเวลาเหล่านั้นจะผ่านพ้นไป แต่สิ่งที่ยังนำมาใช้ได้เสมอคือเนื้อหาที่อาจารย์สอนไว้
ถึงตอนเรียนจะไม่ได้คิดถึงเรื่องการนำไปใช้สักเท่าไร แต่เมื่อเรียนจบออกมาทำงานแล้วกลับนำสิ่งที่เราเคยเรียนมาใช้ได้มากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา วิธีการวิเคราะห์ หรือวิธีในการเขียนหนังสือ (เพราะตอนเรียนต้องเขียนการบ้านส่งครูเยอะมาก)
ครั้งที่เรียนวิชา เช็คสเปียร์ เรียนด้วยความสนุกสนาน เรียกได้ว่าการเรียนละครเป็นความบันเทิงชนิดหนึ่งได้เลย
ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งจะได้ใช้วิชาที่ร่ำเรียนมาในการเขียนงานส่งนิตยสาร Happening จริงๆ ในหัวข้อที่เกี่ยวกับ วิลเลียม เช็คสเปียร์
วันนี้เลยลงเอาไว้เพื่อนึกถึงอดีตของตัวเอง รวมถึงบอกต่อเรื่องราวของเขาเผื่อว่าใครจะยังไม่เคยได้รับรู้ความสามารถของนักประพันธ์อมตะคนนี้

...

เช็คสเปียร์ ผู้สร้างตัวละครอมตะ

วิลเลียม เช็คสเปียร์ เป็นนักเขียนบทละครที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทสำคัญมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยพระนางเจ้าอลิซเบธที่ 1 แห่งประเทศอังกฤษ ปัจจุบันทั่วโลกรู้จักเขาในฐานะนักประพันธ์คนสำคัญของโลก

เขาเกิดวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1564 ในครอบครัวฐานะปานกลาง ออกจากโรงเรียนตั้งแต่อายุ 15 และแต่งงานเมื่ออายุ 18 ปี เมื่อย้ายเข้ามาอยู่เมืองลอนดอนจึงเริ่มอาชีพเป็นนักแสดงตัวประกอบในโรงละครแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มเขียนบทละครจนผลงานของเขาเป็นที่รู้จักจนถึงปัจจุบัน เช็คสเปียร์เสียชีวิตวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1616 อายุได้ 52 ปีเท่านั้น ในช่วงเวลาที่เขามีชีวิตอยู่ได้สร้างบทละครอมตะไว้อย่างน้อย 37 เรื่อง และบทกวีอีกมากกว่า 150 บท

บทละครของเขาล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แม้จะรู้สึกคุ้นหรือเหมือนเคยได้ยินชื่อละครของเขามาบ้าง แต่น้อยคนนักที่จะกล้าเข้าไปทำความรู้จักกับผลงานของเขาโดยตรง หลายคนแค่ได้ยินชื่อเช็คสเปียร์ก็หนาวแล้ว ไม่ต้องพูดถึงบทละครภาษาอังกฤษที่แต่งเป็นกวีล้วนๆ (ซึ่งต่อให้แปลเป็นภาษาไทยก็ไม่คิดอ่าน) ได้เห็นความหนาของหนังสือพาลจะทำให้เป็นลม (ตามประสาคนรักการอ่านบ้านเรา) ดังนั้นถึงยังไม่เคยสัมผัสกับบทละครของเขาก็คงคิดไปต่างๆ นานาว่า ภาษาโบราณน่ากลัว บทกวีน่าเบื่อ หรือไม่ก็ปล่อยให้วรรณกรรมอมตะเป็นหน้าที่ของพวกคงแก่เรียนใช้ศึกษากันเท่านั้น
หารู้ไม่ว่าบทละครของเขาก้าวล้ำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องเล่าที่ทุกคนต้องผ่านหูมานานแล้ว หากนึกดูดีๆ จะรู้ว่าผลงานของเช็คสเปียร์ไม่ได้ห่างไกลจากการรับรู้ของเราเลย ทุกคนต้องเคยได้ยินเรื่องรักรันทดของโรมิโอและจูเลียต หรือ โศกนาฏกรรมของเจ้าชายแฮมเล็ตผู้โดดเดี่ยวมาบ้าง ละครของเช็คสเปียร์ไม่ได้จำกัดอยู่ในแวดวงของผู้ที่สนใจวรรณกรรมเท่านั้น หากแต่แพร่หลายอยู่ในหนังหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นหนังที่สร้างตามบทประพันธ์ดั้งเดิมหรือหนังที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทละครของเช็คสเปียร์

หนังที่นำบทละครมาสร้างมีมากมายหลายเวอร์ชั่น คนที่ได้ดู Romeo and Juliet (1996) เวอร์ชั่นที่ Leonado Di Caprio แสดงกับ Claire Danes คงจำกันได้ว่าหนังเรื่องนี้สนุกแค่ไหน เพราะผู้กำกับ Baz Luhrman นำความรักที่ก่ออยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของ 2 ตระกูลออกมาถ่ายทอดได้ร่วมสมัยถูกใจวัยรุ่น ในขณะที่ยังคงบทสนทนาที่เป็นบทกวีไว้เพื่อแสดงความเคารพต่อบทละครของเช็คสเปียร์ได้อย่างซาบซึ้งตรึงใจ ถ้าได้สังเกตดีๆ จะเห็นชื่อของสถานที่และสิ่งของต่างๆ ในเรื่องยังใช้ชื่อเดียวกับคน สถานที่ และสิ่งของในบทละคร แม้แต่ปืนที่ Romeo ใช้ในเรื่องยังมีคำว่า Sword ซึ่งหมายถึงดาบที่ตัวละครใช้ในบทดั้งเดิมสลักอยู่

ยังมีหนังที่นำพล็อตมาจากเรื่องนี้มาสร้างจนโด่งดังเช่นกันคือ West Side Story (1961) ที่ Natalie Wood แสดงกับ Richard Beymer แต่ปรับจากความขัดแย้งของตระกูล Capulet และ Montagueเป็นความขัดแย้งระหว่าง Puerto Rican และ White Gangs ในนิวยอร์คซิตี้แทน หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังเพลงสุดคลาสสิกอีกเรื่องหนึ่งที่คอหนังรู้จักกันดี

หนังเรื่อง O (2001) นำแสดงโดย Mekhi Phifer(Odin James), Josh Hartnett(Hugo Goulding), Andrew Keegan(Michael Cassio) และ Julia Stiles(Desi Brable) นำพล็อตมาจาก Othello มาทำให้เป็นเรื่องของวัยรุ่นนักบาสเก็ตบอลดาวรุ่งที่ถูกเพื่อนอิจฉาจนอนาคตถูกทำลายลงเพราะความหึงหวงในที่สุด
ปี 2000 มีการสร้างหนัง Hamlet เวอร์ชั่นใหม่ที่ใช้ฉากหลังเป็นมหานครนิวยอร์ค Ethan Hawke รับบท Hamlet ในเรื่องพ่อของเขาถูกอาแท้ๆ ของตัวเองฆาตกรรม Julia Stile รับบท Ophelia หญิงผู้เจ็บปวดเพราะความรักที่มีต่อ Hamlet จนต้องฆ่าตัวตายในที่สุด บทละครเดิม Hamlet นำละครที่เลียนแบบเหตุการณ์เหมือนกับที่อาฆ่าพ่อของเขามาแสดงให้คนดูเพื่อจับพิรุธของอา ส่วนในหนังเรื่องนี้ Hamlet ทำหนังสั้นมาฉายให้อาและแม่ของเขาดูเป็นการดัดแปลงเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ส่วนชะตากรรมของตัวละครในเรื่องส่วนใหญ่ยังคงไว้เช่นเดิม

The Banquet (2006) ที่จางซิยี่เล่นก็มีพล็อตมาจากเรื่อง Hamlet เช่นกัน แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นหนังจีนที่ตั้งชื่อตัวละครใหม่หมด แต่ในเนื้อเรื่องนั้นยังคงเดิม สิ่งที่หนังเรื่องนี้คงไว้คือวิธีการฆ่าจักรพรรดิองค์เก่าซึ่งเป็นพ่อของเจ้าชายอวู๋หลวนโดยการเป่ายาพิษเข้าไปในหูเหมือนพ่อของ Hamlet มีการเปลี่ยนมุมมองการเล่าเรื่องให้เฉลี่ยไปทางตัวละครฮองเฮาหวั่นที่จางซิยี่เล่นไปจากเจ้าชายอวู๋หลวน (Hamlet) ที่แดเนี่ยล วูเล่นบ้าง รวมถึงปรับความสัมพันธ์ของตัวละครต่างๆ ให้ได้อารมณ์หนังตะวันออกยิ่งขึ้น จะเสียดายก็แต่เพียงตัวละครที่มีความสลับซับซ้อนอย่าง Hamlet ต้องถูกตัดทอนไป และแม้จะพยายามใส่ความซับซ้อนให้กับจางซิยี่แล้วก็ยังถือว่ามีน้ำหนักน้อยไปกว่าบทประพันธ์ดั้งเดิมนัก

เปลี่ยนมาพูดถึงหนังที่สร้างมาจากสุขนาฏกรรมบ้าง หนังวัยรุ่นเรื่อง 10 Things I Hate about You (1999) ที่แสดงโดย Julia Stiles และ Heather Ledge ก็นำพล็อตมาจากบทละครเรื่อง The Taming of the Shrew (แต่งประมาณปี 1593-1594) ซึ่งถ้าดูเผินๆ อาจจะคิดว่าเป็นหนังรักวัยรุ่นทั่วไปเท่านั้น
ล่าสุดหนังเรื่อง She’s the Man (2006) แสดงนำโดย Amanda Bynes(Viola), Chunning Tatum(Duke), Laura Ramsey(Olivia) และ James Kirk(Sabastian) ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทละครเรื่อง Twelfth Night (แต่งประมาณปี 1599-1600) ซึ่งแม้จุดเริ่มจะไม่เหมือนกับต้นฉบับที่ตัวนางเอกรอดชีวิตจากเรืออัปปางมาถึงชายฝั่งเมือง Illyria แต่ฉากเปิดของเรื่องเธอเล่นฟุตบอลอยู่บนชายหาดซึ่งมีสัญลักษณ์ห่วงยางช่วยชีวิตปรากฏอยู่ด้วย ส่วนโรงเรียนที่ Viola ไปสวมรอยแทนฝาแฝดมีชื่อว่า Illyria เหมือนกับชายฝั่งที่ปรากฏในเรื่อง Twelfth Night ที่ Viola รอดชีวิตจากเรืออัปปางไปอยู่ที่เมืองนั้น ส่วนชื่อร้านอาหาร Cesario ที่เหล่าวัยรุ่นไปรวมตัวกันในเรื่องนั้นเป็นชื่อเดียวกับนามแฝงที่ Viola ใช้ในการปลอมตัวเป็นผู้ชายในบทดั้งเดิม

ส่วนหนังเรื่อง Shakespeare in Love (1998) ที่ Ralph Fiennes(Shakespeare) และ Gwyneth Paltrow(Viola) แสดงนำนั้นเชื่อว่าใครหลายคนคงนึกสงสัยว่าเป็นชีวิตจริงของเช็คสเปียร์หรือเปล่า บอกได้เลยว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้สร้างมาจากชีวิตจริงของเช็คสเปียร์แต่ได้นำส่วนประกอบในชีวิตของเขามาสร้างเป็นหนังเรื่องนี้

คนเขียนบทได้รับแรงบันดาลใจจากบทละครหลายเรื่องของเช็คสเปียร์ จึงพยายามตั้งสมมติฐานถึงที่มาของบทละครเรื่อง Romeo and Juliet ว่าเช็คสเปียร์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผู้หญิงสูงศักดิ์คนหนึ่งที่ชื่อ Viola (ซึ่ง Viola คือชื่อของตัวเอกในละครเรื่อง Twelfth Night นั่นเอง) คนเขียนบทนำชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบกันได้อย่างลงตัว จนคนดูหนังเรื่องนี้อาจเชื่อได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง รวมถึงยังมีการนำคนที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์เช่น Christopher Marlowe นักเขียนบทละครชื่อดังในสมัยนั้นมาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินเรื่องอีกด้วย แสดงโดย Rupert Everett ในเรื่องเขาเป็นเพื่อนนักเขียนบทละครของ Shakespeare ที่ให้คำปรึกษาเรื่องชื่อละครที่เช็คสเปียร์กำลังแต่งอยู่จนได้เป็นชื่อ Romeo and Juliet ในที่สุด

วิลเลี่ยม เช็คสเปียร์สิ้นลมไป 391 ปีแล้ว แต่ตัวละครของเขายังไม่ได้ตายจากไปพร้อมกับผู้ประพันธ์ คนหลายเชื้อชาติยังคงหยิบบทละครเวทีของเขามาสร้างให้คนได้ดูกันอยู่เรื่อยๆ บทละครถูกนำมาสร้างต่อและก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หลายเรื่องในเวลาต่อมา ตัวละครที่เขาสร้างมีอายุต่อมาอีกกว่า 400 ปี ยิ่งไปกว่านั้นมีแนวโน้มว่าจะคงมีลมหายใจยาวนานต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาของตัวละครไปบ้างแต่จิตวิญญาณของตัวละครที่เช็คสเปียร์สร้างยังคงประทับอยู่ไม่เสื่อมคลาย


ถ้าอยากจะลองหากหนังที่ดัดแปลงมาจากบทละครของเช็คสเปียร์ลองหาเรื่องเหล่านี้มาดูได้

- Forbidden Planet (1956) ดัดแปลงจากเรื่อง The Tempest กำกับโดย Fred M. Wilcox
- Throne of Blood และ The Castle of the Spider’s Web (1957) ดัดแปลงจากเรื่องMacbeth กำกับโดย Akira Kurosawa
- Valley Girl (1983) ดัดแปลงจากเรื่อง Romeo and Juliet กำกับโดย Martha Coolidge
- Ran (1985) ดัดแปลงจากเรื่อง King Lear กำกับโดย Akira Kurosawa


...

อันที่จริงเรื่องราวที่เกี่ยวกับเช็คสเปียร์ยังมีอีกมาก เพราะตอนที่ได้เรียนวิชาของภาคภาษาอังกฤษนั้นได้อ่านบทประพันธ์ของเขาและรับรู้ความอัจฉริยะในด้านการประพันธ์ของเขาอย่างลึกซึ้ง จำได้ว่าตอนเรียนนั้นนับเป็นความประทับใจที่สุดวิชาหนึ่งทีเดียว
หากมีโอกาสอาจจะได้หยิบยกมาเล่าให้ฟังบ้าง สักประโยค 2 ประโยคก็ยังดี

2 comments:

CherraRy said...

ที่คุณบอกว่าเรื่อง 10 things i hate about youนำพล็อตเรื่องมาจากThe Taming of the Shrewแล้วไม่ทราบว่าทั้งสองเรื่องนี้มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้างคะ แล้วเนื้อเรื่องเดิมมันเป็นอย่างไรคะ

Dusita said...

เรื่องนี้มีความเหมือนที่ plot ค่ะ
อย่างเช่นเรื่องเดิมครอบครัวนางเอกก็เป็นพี่น้อง 2 สาวเหมือนกัน
แต่เรื่องเก่าก็จะเกี่ยวกับน้องสาวคนเล็กมีผู้ชายมารัก อยากแต่งงานด้วย
แต่พ่อเป็นคนหวงลูกสาวมาก เลยประกาศว่าจะไม่ยอมให้ลูกสาวคนเล็กแต่งงาน ถ้าคนโตไม่แต่งก่อน

ตรงนี้เรื่อง 10 things จะเปลี่ยนเป็น
น้องสาวคนเล็กมีผู้ชายมาขอออกเดทด้วย แต่พ่อไม่ยอม ประกาศว่าถ้าพี่สาวคนโตไม่ไป คนเล็กก็ไม่ได้ไป

แล้วก็มีรายละเอียดอะไรอีกเยอะแยะค่ะ
ถ้าเป็นไปได้น่าจะลองศึกษาเพิ่มเติม plot ของแต่ละเรื่องไม่ยาวเท่าไร พออ่านได้ค่ะ
ถ้าให้อธิบายทั้งหมดตรงนี้ท่าจะแย่

แต่สิ่งที่ 10 things มีไว้ในบทเพื่อให้ความเคารพเช็คสเปียร์คือ ตัวนางเอกที่เป็นพี่สาวชอบบทกวีโบราณ และในชั้นเรียนมีการเรียนบทละครของเช็คสเปียร์ด้วย

เรื่องเช็คสเปียร์จริงๆ สนุกมากค่ะ ถ้ามีโอกาสอยากให้ลองอ่านต้นฉบับดู
ยากหน่อย แต่ไม่ลองไม่รู้