Saturday, December 29, 2007

บ่าของอัศวิน

2 แขนเธอโอบรอบคอฉันไว้แน่น
น้ำตาค่อยๆ เลือนหายไปทีละน้อย เสียงสะอื้นเหลือเพียงลมหายใจกระตุกเงียบๆ

เมื่อทุกสิ่งสงบลง คางของเธอจึงเกยอยู่บนบ่าของฉันอย่างผ่อนคลาย
ไม่มีแล้วความดิ้นรนไขว่คว้าหาผู้พิทักษ์หลังความเจ็บปวด
บัดนี้เจ้าหญิงปลอดภัยแล้ว
...

จริง ฉันคือผู้อัศวินของเธอ ไม่สามารถเป็นได้มากกว่านี้หรือน้อยกว่านี้
บางครั้งหากต้องการปกป้องความฝัน ความหวัง ความสนุกสดใส
ฉันจะมอบบ่าคู่นี้ไว้ให้คางเธอเข้ามาเกยกอง

บางครั้งหากต้องการแสดงความยินดี เธอยังคงโผมุ่งตรงมายังบ่าของฉันด้วยรอยยิ้ม
...

เป็นระยะเวลานานกว่าเธอจะวางใจนำคางของเธอมาเกยอยู่บนบ่าของฉัน
ส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอมอบหัวใจให้คนไม่ยิ่งใหญ่เช่นฉันอาจเป็นเพียงแค่ความพร้อมเท่านั้น

ความพร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างไม่ว่ายามสุขหรือทุกข์
ความใกล้ชิดของหัวใจกระเถิบเข้ามาเมื่อวันที่เธอถูกทำร้าย
แน่นอนว่าครั้งแรกที่คางมาเกยไหล่ไม่ได้สร้างภาพจำที่น่าประทับใจให้เราทั้ง 2 ฝ่าย
เพราะเรื่องราวของเราเริ่มขึ้นจากความเจ็บปวด
แต่หากไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดนั่น ฉันไม่แน่ใจว่าเมื่อใดฉันจะสามารถสร้างความอุ่นใจให้เธอได้
...

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักกี่นานวัน
ฉันพร้อมเสมอที่จะเป็นอัศวินมอบไหล่ให้เธอนำคางมาเกย

Sunday, December 09, 2007

Hero

ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว

เราคงไม่ต้องแนะนำต้นข้าวให้ทุกคนรู้จักอีกต่อไป

...

นอกจากจะพูดไม่หยุด

ยังมีเพลงที่โรงเรียนอาจจะสอนมาให้ฟังอีกด้วย

...

ไม่อยากอธิบาย

อยากให้ชมกันเอาเอง

...

Saturday, December 08, 2007

หลานชาย

ไม่มีอะไรนอกจากอยากอวดหลานให้ได้ดูกัน

ต้นข้าวเป็นเด็กชายอายุ 3 ขวบ กำลังจะ 4 ขวบ

หลานคนนี้มีลีลามากเป็นพิเศษ

เนื่องจากเราไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนักจึงต้องใช้เวลานานกว่าจะคุ้นเคยกัน

ถึงจะใช้เวลานาน แต่ผลออกมาคุ้มค่ากว่าที่คาดคิด

เพราะข้าวเริ่มร้องเพลงให้ฟัง

เต้นให้ดู

และพูดไม่หยุด

ถึงตอนนั้นจะไม่มีใครหยุดข้าวได้

แต่ทุกคนมีความสนุกสนานกันอย่างเต็มที่

เลยได้ถ่ายมาโชว์ให้ดูอย่างนี้

หลานดีมีไว้อวดจริงไหม

...

แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอวดแล้วพ่อกับแม่เขาจะโอเคไหม

...

Friday, December 07, 2007

ยิ่งแข่งยิ่งแพ้


เหมือนเด็กๆ ไม่มีขีดจำกัดของพลัง

เอามาใช้เท่าไรไม่เห็นหมด

ทั้งร้อง เต้น กระโดด วิ่ง ล้มลุกคลุกคลาน
หลายต่อหลายตลบ
ยังวิ่งในสนามเด็กเล่นได้ต่อ
ส่วนเรารึ
แค่จับเด็กแต่ละคนไม่ให้ทะเลาะกัน กัดกัน ตีกัน
ขาแทบพันกันเป็นปม
วันนี้เลยหมดแรงเอาดื้อๆ
ถ้ามีคนหาคู่ต่อสู้มาให้เลือกสักคน
แล้วหนึ่งในนั้นเป็นเด็ก 3-4 ขวบละก็
ต้องขอบายทันที
อย่านี้เรียกว่ายอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแข่ง
ใครจะไปกล้วแหยม
ยิ่งแข่งยิ่งแพ้นี่นา

Monday, December 03, 2007

เขย่ง ก้าว กระโดด



จำความรู้สึกแรกที่หัดเขย่งไม่ได้แล้ว
รู้แต่ว่าเวลาที่เราเขย่งจะรู้สึกว่าตัวเองสูงขึ้น ตอนเด็กๆ เลยชอบเดินเขย่งปลายเท้าเป็นพิเศษ
(เพื่อนๆ คงไม่ต้องบอกว่าเพราะอะไร)
แต่จนบัดนี้นิสัยชอบเขย่งค่อยๆ หายไปแล้ว
มีบ้างเป็นบางครั้งที่ต้องเขย่งหยิบของ
คิดๆ ไปก็บ่อยทีเดียว
เพราะของที่อยู่สูง เราจะไปเอื้อมถึงได้ยังไง

เวลาที่เดินไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเองครั้งแรกเป็นยังไง จำไม่ได้แล้ว
แต่รู้ว่าก้าวแรกของเด็กแต่ละคนสำคัญมาก
การก้าวแล้วล้ม หากลุกได้ด้วยตัวเองจะทำให้เข้มแข็ง
(ตอนนั้นเราทำอีท่าไหนหว่า)
ตอนนี้ได้แต่เดินก้าวไวๆ ไล่จับเด็กๆ ให้ทันก็เหนื่อยแล้ว
ให้นึกย้อนไปตอนที่ตัวเองเป็นเด็ก
คิดว่าคงก้าวไวน่าดูเหมือนกัน

กระโดดครั้งแรกๆ คงรู้สึกสนุกไม่น้อย
แต่แน่นอนว่าจำอะไรไม่ได้แล้ว
ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่าที่เด็กอายุน้อยกว่า 4 ขวบ ความจำจะสั้น
มักจะจำเรื่องราวอะไรช่วงนั้นไม่ได้ตอนที่เราโตแล้ว
อาจจะจริงอย่างว่า เพราะตอนนี้เห็นเด็กๆ กระโดดกันอย่างสนุกสนาน แต่เรากลับจำความรู้สึกนี้ไม่ได้เลย
ตอนนี้ที่กระโดดได้อย่างไม่เคอะเขินเพราะต้องกระโดดไปพร้อมพวกเขา
หากเป็นช่วงเวลาปกติคงกระโดดสนุกสนานออกนอกหน้าไม่ได้อย่างนี้
เดี๋ยวคนหาว่าบ้า

ความสนุกของการเขย่ง ก้าว กระโดด
จำกัดไว้ถึงอายุเท่าไรกัน
...
ใครตอบได้ช่วยบอกที