Tuesday, January 13, 2009

laoliang island



เพิ่งกลับมาจากเที่ยวเกาะเหลาเหลียงจังหวัดตรังค่ะ


นับเป็นการเดินทางที่ยาวนานและประทับใจ
ออกเดินทางตั้งแต่คืนวันพฤหัส ไปถึงท่ารถทัวร์จ.ตรังเช้าวันศุกร์
รถตู้ของบริษัทมารับไปกินอาหารเช้าแบบคนตรัง เป็นติ่มซำเล็กๆ หลายถาดมากองอยู่ตรงหน้า เลือกทานตามใจชอบ ตบท้ายด้วยโอวัลตินอุ่นๆ ก่อนที่จะไปเที่ยวในตัวเมืองตรังรอเวลาขึ้นเรือข้ามไปเกาะ
แวะชมบ้านคุณชวน หลีกภัย ทันทีที่ก้าวเข้าไปในพื้นที่ของบ้านก็รู้สึกถึงอากาศเย็นสดชื่น เพราะต้นไม้ใหญ่ในบ้านร่มรื่นกว่าบริเวณใกล้เคียงอย่างชัดเจน
จากนั้นไปรับเพื่อนร่วมทริปอีก 2 คนที่สถานีรถไฟ และเพิ่มอีก 2 คนที่โรงแรมในเมือง
เรานั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามไปยังเกาะเหลาเหลียงในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น เพราะเหนื่อยกับการเดินทางตลอดทั้งคืน พอไปถึงเกาะเหลาเหลียง เขาต้อนรับเราทั้ง 4 คนด้วยรอยยิ้มและภาษาใต้อย่างเป็นทางการ


เราพักเต็นท์ที่ 29, 30 นอนเต็นท์ละ 2 คน
คนอื่นๆ ไปลองปีนผากัน แต่เราไม่ถนัดกิจกรรมหนักเลยหนีไปดำน้ำตื้นกัน
ตื่นเต้นกับการได้เยี่ยมบ้านนีโม ถึงจะไม่ค่อยรู้เส้นทางเพราะไปกันเองแต่ก็สนุก


ตกเย็นเราเริ่มกังวลเรื่องของกิน เพราะที่นี่ทำอาหารเป็นเวลา กินสะเปะสะปะเหมือนปกติไม่ได้
เสียดายที่สุดคือไม่มีปูให้กิน จ๊ะบอกว่าต้องไปช่วยแรม 5 ค่ำ หรือ 8 ค่ำ ชาวประมงถึงจะมีปูมาให้กินกัน
เรานั่งกินข้าวริมหาด มองพระจันทร์เกือบเต็มดวง ลมพัดเย็นจนหนาวเป็นระยะ
ตอนแรกคิดว่าจะไปคุยกันต่อในเต็นท์ แต่สุดท้ายก็แยกย้ายกันไปนอนเพราะง่วงเหลือเกิน
เรารู้สึกปลอดภัยแม้ไม่ได้นอนในห้องมิดชิด
(แต่พอคืนแรกผ่านไปถึงได้รู้ว่าเรารู้สึกปลอดภัยอยู่คนเดียว
เพราะเพื่อนๆ รู้สึกวังเวงกับบรรยากาศอยู่เหมือนกัน)
ตอนเช้าคนอื่นยังไม่ยอมตื่นกัน อากาศดี สดชื่น เราคว้ากล้องไปถ่ายรูปเก็บไว้
เดินเท้าเปล่าบนทราย ชายหาดว่างเปล่า ไม่มีใคร
นั่งเรือออกไปดำน้ำตื้นอย่างสนุกสนาน
ผิวสีเข้มขึ้น สมองปลอดโปร่งขึ้น
ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่กรุงเทพฯ จนหมดสิ้น


ตลอดเวลาที่อยู่ที่เหลาเหลียงรู้สึกดีใจที่เราไปพักผ่อนแบบไม่คุกคามธรรมชาติด้วยสิ่งก่อสร้างของมนุษย์
พยายามอย่างมากที่จะทิ้งขยะไว้ที่นั่นน้อยที่สุด อะไรเก็บมาทิ้งบนฝั่งได้ก็เก็บมา
ที่สำคัญยังได้ผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ๆ ที่เราไม่เคยคิดว่าจะได้จากการเดินทางครั้งนี้
ถือว่าความเหนื่อยจากการเดินทางแลกมาซึ่งความสุขในการท่องเที่ยวได้คุ้มค่าที่สุด