เมฆฝนลอยหายไปเบื้องหน้าแล้ว
เหลือเพียงเรายืนเท้าเปลือยเปล่าบนหาดทรายกว้าง
ฟ้าแม้ยังดูหนักหน่วงด้วยปุยเมฆ
แต่ยังมีลำแสงส่องผ่านให้เบาใจ
จริงอยู่แสงแดดคล้อยผ่านตามกาลเวลา
ไร้เรี่ยวแรงแผดเผาสิ่งใด
แต่กลับสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่แสงแดดมอบให้
พลังใจที่อบอุ่นอ่อนหวาน ช่วยปลอบโยนกายที่เหนื่อยล้า
หากวันใดที่ฟ้าเปิด
สว่างสดใส
ปล่อยโอกาสให้แดดได้ส่องโดยสายตาไม่อาจสู้
เราจึงได้แต่ยอมแพ้
หาร่มเงาเพื่อหลีกทางให้แสงส่องแต่โดยสะดวก
หลังจากนี้เราคงคอยมองหาดวงดาวที่เข้ามาส่องประกายให้ฟากฟ้า
รอคอยรอยยิ้มในหัวใจของคนที่อาจเฝ้ามองดาวดวงเดียวกันกับเรา
เมื่อเวลาล่วงเลยผ่าน
เราอาจอยากอยู่จนถึงรุ่งสาง
หาที่กำบังจากน้ำค้าง
หวังจะพบแสงแรกของวันบ้าง
ฟากฟ้าแบบไหนจึงเป็นที่ปรารถนา
อาจจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของหัวใจ
ที่จะกำหนดทิศทางของความรู้สึก
ที่จะกำหนดทิศทางของความรู้สึก
กำหนดภาพฉากที่ต้องการพบเจอ
สิ่งที่ทำได้
อาจเพียงต้องหลบหลีกจากความเคยชินเท่านั้น
จึงจะได้เห็นฟากฟ้าอย่างที่มันเป็น
No comments:
Post a Comment